วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

ข้อสอบกลางภาควิชา 462 201 การพัฒนาหลักสูตร

1. เมื่อมีความจำเป็นในการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา นักศึกษาจงนำเสนอแนวทางการพัฒนาหลักสูตรที่มีรายละเอียดข้อมูล ประกอบแผนภูมิ ตามประเด็นต่างๆ โดยอธิบายในลักษณะกระบวนการปฏิบัติงานกลุ่มในการเรียนรู้วิชานี้ ดังต่อไปนี้
               1) คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตร โดยระบุบทบาทหน้าที่ และขอบข่ายการปฏิบัติงาน
               บทบาทหน้าที่
- 1) ตรวจสอบกลั่นกรอง ให้ความเห็นชอบและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับเนื้อหาของหลักสูตร เพื่อให้มีความถูกต้องด้านวิชาการ มีความทนสมัยเป็นเอกภาพและสอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดหลักสูตร
- 2) ตรวจสอบกลั่นกรองและพิจารณาการจัดทําเอกสารหลักสูตรให้มีความถูกต้อง สอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรในด้านรูปแบบหัวข้อการใช้คําหรือภาษา
- 3) ประเมินคุณภาพหลักสูตรตามตัวบ่งชี้คุณภาพที่กําหนดไว้ในหลักสูตรและตัวบ่งชี้คุณภาพ
ที่มหาวิทยาลัยกําหนด
              
2) แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตร (Curriculum Development Model)
แบบจำลองจะมีการกำหนดกรอบแนวคิดและเกณฑ์ที่ใช้ในการปรับปรุงหลักสูตร โดยที่แบบจำลองจะต้องแสดงองค์ประกอบต่างๆ ดังนี้
1.องค์ประกอบหลักของกระบวนการ
2.การปฏิบัติที่ชัดเจน
3.ความสัมพันธ์ระหว่างหลักสูตรและการสอน
4.จุดหมายเฉพาะที่แตกต่างระหว่างหลักสูตรและการสอน
5.การแสดงความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง
6.วัฎจักรความสัมพันธ์ไม่เพียงแต่แสดงนัยตามลำดับขั้นตอน
7.เส้นแสดงการให้ข้อมูลย้อนกลับ
8.ความเป็นไปได้ที่จุดเริ่มต้นตำแหน่งใดก็ได้ในวงจร
9.ความเป็นเหตุเป็นผลและความแน่นอนในแบบจำลอง
10.ให้ความคิดที่มีความเรียบง่าย
11.องค์ประกอบแสดงในรูปแบบไดอะแกรมหรือแผนภาพ
โดยมีตัวอย่างเช่น แบบจำลองของไทเลอร์, ทาบา, เซลเลอร์ อเล็กซานเดอร์ เลวีส, และโอลิวา
               3) การตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตร
การตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตร เป็นการตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรที่สร้างขึ้นมาว่าสามารถนำไปใช้ได้จริงหรือไม่ในการสอน โดยวิธีในการตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรนั้น เป็นการประเมินก่อนการใช้หลักสูตร ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบว่าหลักสูตรนั้นมีคุณค่าหรือสามารถตอบสนองความต้องการจำเป็นของผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายหรือไม่
หรือก็คือ การที่หลักสูตรจะมีคุณค่านั้น จะต้องสามารถตอบสนองความต้องการจำเป็นของผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบถ้วนตามความต้องการ
ขั้นตอนการประเมินหลักสูตรก่อนนำไปใช้ มี 4 ขั้นตอน คือ
1.กำหนดจุดมุ่งหมายการประมินหลักสูตร
2.วางแผนดำเนินการประเมิน
3.ทดลองใช้หลักสูตรฉบับร่าง
4.การประเมินผลจากการทดลองใช้ และนำผลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงหลักสูตรก่อนนำไปใช้จริง
              
4) การศึกษาการใช้หลักสูตรภาคสนาม
การใช้หลักสูตรภาคสนามคือ การนำหลักสูตรที่ยังไม่ผ่านการประเมินในขั้นสุดท้ายไปทดลองสอนก่อนเพื่อท่จะได้รู้ถึงข้อดีและข้อด้อยของหลักสูตร และนำไปปรับปรุงให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นก่อนที่จะนำไปใช้จริง







2. ในการพัฒนาหลักสูตรต้องอาศัยพื้นฐานการพัฒนาด้านใดบ้าง อย่างไร นักศึกษาเห็นว่าเนื้อหาสาระใดมีความสำคัญอย่างยิ่ง จงนำเสนอแนวคิดถึงความสำคัญ
               ตอบ - การพัฒนาหลักสูตรจำเป็นต้องอาศัยพื้นฐานในการพัฒนาที่สำคัญ ซึ่งพื้นฐานที่สำคัญและจำเป็นจริงในการพัฒนาหลักสูตรนั้นประกอบด้วยพื้นฐาน 3 ด้าน คือ พื้นฐานด้านปรัชญา พื้นฐานด้านจิตวิทยา และพื้นฐานด้านสังคม ในแต่ละพื้นฐานมีความสำคัญดังจะอธิบายต่อไปนี้
               1.     พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านปรัชญา ปรัชญาการศึกษาคือ แนวความคิด หลักการ และกฎเกณฑ์ ในการกำหนดแนวทางในการจัดการศึกษา ซึ่งนักการศึกษาได้ยึดเป็นหลักในการดำเนินการทางการศึกษาเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย นอกจากนี้ปรัชญาการศึกษายังพยายามทำการวิเคราะห์และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการศึกษา ทำให้สามารถมองเห็นปัญหาของการศึกษาได้อย่างชัดเจน ปรัชญาการศึกษาจึงเปรียบเหมือนเข็มทิศนำทางให้นักการศึกษาดำเนินการทางศึกษาอย่างเป็นระบบ ชัดเจน และสมเหตุสมผล
               ประกอบด้วย 3 ด้านหลัก ได้แก่ K = ด้านความรู้ (Knowledge), L = ด้านผู้เรียน (Learner), S =  ด้านสังคม (Social) โดยในแต่ละด้านหลักจะกำกับด้วยปรัชญาที่ใช้เป็นหลักยึดในการจัดการศึกษาต่างๆ ดังนี้
ด้านความรู้ (K)
-             ปรัชญาการศึกษาสารัตถนิยม (Essentialism) มีความเชื่อว่า การศึกษาควรมุ่งพัฒนาความสามารถที่มนุษย์มีอยู่แล้ว
-             ปรัชญาการศึกษานิรันดรนิยม (Perenialism) มีความเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของธรรมชาติมนุษย์คือ ความสามารถในการใช้เหตุผล ซึ่งความสามารถในการใช้เหตุผลนี้จะควบคุมอำนาจฝ่ายต่ำของมนุษย์ได้ เพื่อให้มนุษย์บรรลุจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ปรารถนา
ด้านผู้เรียน (L)
-             ปรัชญาการศึกษาอัตถิภาวะนิยม (Existentialism) มีแนวคิดว่า การศึกษาคือชีวิต มิใช่เป็นการเตรียมตัวเพื่อชีวิต หมายความว่า การที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขจะต้องอาศัยการเข้าใจความหมายของประสบการณ์นิยม
ด้านสังคม (S)
-             ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยม (Reconstructionism) ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยมมีแนวความคิดว่า ผู้เรียนมิได้เรียนเพื่อมุ่งพัฒนาตนเองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเรียนเพื่อนำความรู้ไปพัฒนาสังคมให้สังคมเป็นสังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
               2.    พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านจิตวิทยา
                ในการจัดทำหลักสูตรนั้น  นักพัฒนาหลักสูตรต้องคำนึงอยู่เสมอว่าต้องพยายามจัดหลักสูตรให้สนองความต้องการและความสนใจของผู้เรียนอย่างแท้จริง  ด้วยการศึกษาข้อมูล  พื้นฐานเกี่ยวกับตัวผู้เรียนว่าผู้เรียนเป็นใคร  มีความต้องการและความสนใจอะไร  มีพฤติกรรมอย่างไร  ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจิตวิทยาทั้งสิ้น  ดังนั้นข้อมูลพื้นฐานทางด้านจิตวิทยาจึงเป็นส่วนสำคัญที่นักพัฒนาหลักสูตรจะละเลยมิได้ในการนำมาวางรากฐานหลักสูตร
แนวคิดของนักจิตวิทยาที่เกี่ยวกับทฤษฎีการเรียนรู้มี  4 กลุ่มใหญ่ ๆ ด้วยกัน ได้แก่ 1) ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่ม Behaviorism  2) ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่ม Cognitivism 3) ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่ม Humanism 4) ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่ม Constructivism
  3.  พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านสังคม
หลักสูตรเป็นองค์ประกอบอันสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของการจัดการศึกษาการจัดการศึกษาประเภทใดและระดับใดก็  ดีจะขาดหลักสูตรไม่ได้ เพราะหลักสูตรจะเป็นโครงร่างกำหนดไว้ว่า   จะให้เด็กได้รับประสบการณ์อะไรบ้างจึงจะเป็นประโยชน์ต่อเด็ก และสังคม  หลักสูตรเป็นแนวทางที่จะสร้างความเจริญเติบโตให้แก่ผู้เรียน













3. การพัฒนาหลักสูตรมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง จงยกตัวอย่าง Model อธิบายองค์ประกอบแต่ละ Model และสรุปความเห็นกรณีที่องค์ประกอบในการพัฒนาหลักสูตร หายไปจะเกิดอะไร
               เลือกแบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรของไทเลอร์ ดังนี้
                1. แหล่งข้อมูล
                    - จากการศึกษา / จากมาตรฐานการเรียนรู้ / จากการสัมภาษณ์บุคคล(ภูมิปัญญาท้องถิ่น)
                2. กำหนดวัตถุประสงค์(ฉบับร่าง)
                3. กลั่นกรอง โดยใช้ปรัชญาและจิตวิทยา
                4. กำหนดจุดประสงค์ของหลักสูตร
                5. เลือกประสบการณ์การเรียนรู้(กำหนดเนื้อหาในแต่ละหน่วยการจัดการเรียนรู้/แผน)
                6.การจัดการประสบการณ์การเรียนรู้(การจัดการเรียนการสอนตามแผน)
                7.การประเมิน(ประเมินหลักสูตร ประเมินผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน)
               หลักสูตรจะต้องมีองค์ประกอบดังนี้
1. วิสัยทัศน์ (Vision)                             2. พันธกิจ (Mission)
3. จุดหมาย                                          4. เป้าหมาย
5. คุณภาพผู้เรียน                                 6. โครงสร้างเนื้อหา
7. การจัดการเรียนการสอน                   8. สื่อการเรียนรู้
9. การวัดและประเมินผล
               หากองค์ประกอบข้อใดข้อหนึ่งหายไป จะส่งผลให้หลักสูตรที่พัฒนาขึ้นนั้นมีความไม่สมบูรณ์ และไม่มีประสิทธิภาพที่จะใช้งานได้ เป็นต้นว่า ถ้าหากหลักสูตรขาดวิสัยทัศน์ หรือ พันธกิจไป หลักสูตรก็จะสูญเสียความสำคัญไป หรือถ้าหากว่าหลักสูตรไม่มีเป้าหมายและจุดหมายก็เท่ากับไม่เห็นความจำเป็นของหลักสูตร



4. การนำหลักสูตรไปใช้มีนักการศึกษาใดหรือใครที่เสนอแนะไว้ว่าควรคำนึงถึงปัจจัยใดบ้าง อย่างไร
  วิชัย วงษ์ใหญ่ (2521) กล่าวว่า การนำหลักสูตรไปใช้ควรมี 8 ขั้นตอน ดังนี้
1 การเตรียมวางแผนงานเพื่อใช้หลักสูตรใหม่  ผู้บริหารจะต้องศึกษาวิเคราะห์หลักสูตรในเรื่องจุดมุ่งหมายที่แท้จริง
2 การเตรียมการจัดอบรมครูเพื่อใช้หลักสูตรใหม่  จะต้องพิจารณาวางโครงการฝึกอบรมให้ชัดเจนและมีขั้นตอน
3 การจัดครูเข้าสอน  ครูจะต้องมองเห็นความสำคัญและก้าวให้ทันกับเหตุการณ์
4 การจัดตารางการสอน  ควรคำนึงถึงความเหมาะสมในเรื่องระดับความยากง่าย วัย ความสามารถของผู้เรียน ตลอดจนชั่วโมงการสอนของครู
5 การจัดบริการวัสดุประกอบหลักสูตรและสื่อการเรียน  ได้แก่การทำโครงการสอน แผนการสอน พัฒนาคู่มือครู แบบเรียนและสื่อการเรียน ซึ่งต้องอาศัยบุคคลหลายฝ่ายช่วยเหลือ
6 การประชาสัมพันธ์การใช้หลักสูตร  เพื่อให้ประชาชนในชุมชนได้ทราบว่าการใช้หลักสูตรใหม่นั้นลูกหลานของเขาหรือตัวเขาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรในการเรียนรู้
7 การจัดสภาพแวดล้อมและการเลือกสรรโครงการกิจกรรมหลักสูตร  ได้แก่สภาพแวดล้อมและกิจกรรมภายนอกห้องเรียน ถ้าได้เลือกสรรอย่างดีจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากต่อครูและนักเรียน
8 การจัดโครงการประเมินผลการใช้หลักสูตรและการปรับปรุงหลักสูตร  เป็นสิ่งสำคัญและต้องทำเป็นขั้นตอน
สุมิตร คุณากร (2523) กล่าวว่า  การนำหลักสูตรไปใช้เป็นการรวมกิจกรรม 3 ประเภท โดยได้อธิบายกิจกรรมทั้ง 3 ประเภทดังนี้
1 การแปลงหลักสูตรไปสู่การสอน  หลักสูตรระดับชาติจะกำหนดจุดหมาย เนื้อหาวิชา การประเมินผลไว้อย่างกว้างๆ ครูจึงไม่สามารถนำหลักสูตรไปสอนได้หากยังไม่มีการดัดแปลงให้เหมาะ
2 การจัดปัจจัยและสภาพต่างๆภายในโรงเรียนให้หลักสูตรบรรลุถึงเป้าหมาย  การนำหลักสูตรมาปฏิบัตินั้นเกิดขึ้นที่โรงเรียน ผู้บริหารควรสำรวจปัจจัยและสภาพต่างๆของโรงเรียนว่าเหมาะสมกับการนำหลักสูตรมาปฏิบัติหรือไม่
3 การสอนของครู  การเอาใจใส่ต่อการสอนให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของหลักสูตร การเลือกวิธีการสอนที่เหมาะสม เหล่านี้เป็นปัจจัยที่จะชี้ชะตาหลักสูตรทั้งสิ้น ส่วนผู้บริหารก็ต้องคอยให้ความสะดวกและกำลังใจแก่ครู


5. การประเมินผลการเรียนรู้และการประเมินหลักสูตรมีแนวคิด วิธีการ อย่างไร เพื่อที่จะทราบว่าหลักสูตรนี้บรรลุจุดมุ่งหมายตามที่กำหนดไว้หรือไม่
ความหมายของการประเมินหลักสูตร นักการศึกษาหลายท่านได้ให้ความหมายของการประเมินหลักสูตรไว้ต่างๆกันดังนี้
ลี ครอนบาค (Lee Cronbach, 1970) ให้ความหมายว่า การประเมินหลักสูตรคือ การรวบรวมข้อมูลและการใช้ข้อมูลเพื่อตัดสินใจในเรื่องโปรแกรมหรือหลักสูตรการศึกษา
สตัฟเฟิลบีมและคณะ (Stufflebeam; et al., 1971)  ให้ความหมายของการประเมินหลักสูตรไว้ว่า การประเมินหลักสูตรคือ กระบวนการหาข้อมูล เก็บข้อมูล เพื่อนำมาใช้เป็นประโยชน์ในการตัดสินหาทางเลือกที่ดีกว่าเดิม
สุมิตร คุณานุกร (2523) กล่าวถึงการประเมินหลักสูตรไว้ว่า การประเมินหลักสูตรคือการหาคำตอบว่าหลักสูตรสัมฤทธิ์ผลตามที่กำหนดไว้ในจุดมุ่งหมายหรือไม่มากน้อยเพียงใด และอะไรเป็นสาเหตุการประเมินหลักสูตรเพื่อตัดสินสัมฤทธิ์ผลของหลักสูตรนั้น มีขอบเขตรวมถึง การวิเคราะห์ตัวหลักสูตร การวิเคราะห์กระบวนการการนำหลักสูตรไปใช้ การวิเคราะห์สัมฤทธิ์ผลทางการเรียนของนักเรียน การวิเคราะห์โครงการประเมินหลักสูตร
แนวคิดการประเมินหลักสูตร มีดังต่อไปนี้
1.การประเมินตามจุดประสงค์ เป็นการตัดสินใจตามวัตถุประสงค์ของการศึกษาหรือการฝึกอบรม
2.การประเมินไม่ยึดจุดประสงค์ เป็นการตัดสินใจที่เป็นอิสระจากผลที่เกิดจากโอกาสทางการศึกษาหรือโปรแกรม
3.การประเมินตามหน้าที่ เป็นการเปรียบเทียบความมุ่งมั่นในการสอนและผลที่เกิดขึ้นจริง
4.กระประเมินที่มุ่งการตัดสินใจ เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการตัดสินใจในการยุติหรือดำเนินการต่อไป
5.การประเมินเพื่อการรับรอง เป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับการรับรองเกี่ยวกับกระบวนการของการพัฒนาวิชาชีพในการจัดการศึกษาหรือโปรแกรม
วิธีการประเมินหลักสูตรมี ดังนี้
การประเมินหลักสูตร โดย วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลตามลำดับ ดังนี้
                1) สัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษา และ/หรือหัวหน้าฝ่ายวิชาการ เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาแนวคิด การดำเนินการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การส่งเสริมสนับสนุนให้ ครูสามารถจัดการเรียนการสอน
                2) สังเกตการณ์จัดการเรียนการสอน เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู
                3) สัมภาษณ์ผู้เรียน เป็นขั้นตอนที่ดำเนินการหลังจากเสร็จสิ้น การสังเกตการณ์สอนของครู โดยดำเนินการให้ครู หรือศึกษานิเทศก์ เป็นผู้คัดเลือกนักเรียน ที่น่าสนใจ โดยให้เป็นเด็กกลุ่มเก่ง ปานกลางและอ่อน อย่างน้อยกลุ่มละ 2 คน รวม 6 คน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความเห็น ความพึงพอใจ ความต้องการของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ของครู และการเรียนรู้ของนักเรียน โดยใช้แบบสัมภาษณ์
                4) สัมภาษณ์ครู เป็นขั้นตอนหลังจากที่เสร็จสิ้น จากการสัมภาษณ์ผู้เรียนแล้ว ให้ศึกษานิเทศก์ สัมภาษณ์ครู โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อตรวจสอบผลการสังเกต และให้ครูสะท้อนการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านมา โดยใช้แบบการสัมภาษณ์
                5) สัมภาษณ์ผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษา และผู้เกี่ยวข้อง เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความคาดหวัง และความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน
                6) สังเกตสภาพทั่วไปโดยรวมของโรงเรียน (walking the hall) เป็นการรวบรวมข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาบรรยากาศทางวิชาการ หรือการส่งเสริมสนับสนุน การใช้หลักสูตรแกนกลางฯ เช่น การจัดการเรียนการสอนในห้องอื่นๆ พฤติกรรมของครูในห้องพักครู ประเด็นการพูดคุย และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ที่สนับสนุนการสอนภายในโรงเรียน เป็นต้น ซึ่งการสังเกตสภาพทั่วไป อาจดำเนินการก่อนการสังเกตการณ์สอน หรือหลังการสังเกตการสอนก็ได้
                7) ศึกษาเอกสาร เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียด มีหลักฐานที่ชัดเจน เกี่ยวกับการพัฒนา และการใช้หลักสูตรแกนกลางฯมากขึ้น เช่น เอกสารข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียน เอกสารหลักสูตร หน่วยการเรียนรู้ และแผนการเรียนรู้ เป็นต้น
จากนั้นต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มา โดยการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้วิธีการ ดังนี้
                1) การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) เป็นวิธีการที่ใช้ในการวิเคราะห์เอกสาร โดยจะวิเคราะห์เฉพาะเนื้อหา ที่ปรากฏในเอกสารเท่านั้น (Manifest Content) ไม่วิเคราะห์เนื้อหา ที่มีความนัยแฝงอยู่ จากนั้นจะสรุปใจความในเอกสาร ตามประเด็นที่ศึกษา
                2) การวิเคราะห์อุปนัย (Analytic Induction) เป็นวิธีการที่ใช้กับการวิเคราะห์ข้อมูล ที่ได้จากการสังเกต และการสัมภาษณ์ โดยการแยกข้อมูลอย่างเป็นระบบ ตีความหมาย เชื่อมโยงความสัมพันธ์ และสร้างข้อสรุปจากข้อมูลต่างๆที่รวบรวมได้

                3) การวิเคราะห์โดยใช้สถิติเบื้องต้น คือ การแจกแจงความถี่ และการหาค่าร้อยละ สำหรับข้อมูลเชิงปริมาณ ที่ได้จากแบบสอบถาม

กิจกรรมที่ 9:1. ฝึกปฏิบัติการตรวจสอบคุณภาพหลักสูตร ก่อนนำหลักสูตรไปใช้

กิจกรรมที่ 9:1. ฝึกปฏิบัติการตรวจสอบคุณภาพหลักสูตร ก่อนนำหลักสูตรไปใช้
                ขั้นตอนการประเมินหลักสูตรก่อนนำไปใช้ 4 ขั้นตอน คือ
                1) กำหนดจุดมุ่งหมายในการประเมินหลักสูตร
                    (1) เพื่อศึกษากระบวนการพัฒนาหลักสูตร
                   (2) เพื่อศึกษารูปแบบกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสม
                   (3) เพื่อศึกษารูปแบบการส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนา และการใช้หลักสูตร
                   (4) เพื่อศึกษารูปแบบการสร้างความร่วมมือของครู เพื่อให้เกิดการดำเนินการร่วมกันอย่างยั่งยืน ในการใช้หลักสูตรสถานศึกษา
                   (5) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งเสริม และเป็นอุปสรรค ต่อประสิทธิภาพในการใช้หลักสูตร
                   (6) เพื่อศึกษาวิธีการเรียนรู้ และผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
                2) วางแผนการดำเนินการประเมิน
                กระบวนการ
                P (Plan) วางแผน
                - วางแผนร่วมกันกับครู และผู้บริหาร
                - วางแผนปฏิบัติการทำวิจัยร่วมกับค
                A (Action) ปฏิบัติตามแผน
                - สังเกต การสอน
                - สัมภาษณ์
                - สังเกต สภาพทั่วไปโดยรวมของโรงเรียน (walking the hall)
                - ศึกษาเอกสาร
                O (Observe) สังเกตผลที่เกิดขึ้น
                R (Reflect) สะท้อนผลและแก้ไข
                - สะท้อนคิด (reflect)
                - เป็นพี่เลี้ยง (mentor)
                - สอนแนะ (coach)
                3) ทดลองใช้หลักสูตรฉบับร่าง
                นำหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับร่างไปทดลองกับโรงเรียนต้นแบบ การใช้หลักสูตร จำนวน 555 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนขยายโอกาส โรงเรียนมัธยมศึกษา ประเภทละ 185 โรงเรียน ได้มาจากการคัดเลือกของเขตพื้นที่การศึกษา 185 เขตๆละ 3 โรงเรียน นอกจากนี้ ยังใช้ในโรงเรียนที่มีความพร้อม และแสดงเจตจำนง ที่จะใช้หลักสูตรแกนกลางฯ คู่ขนานกับโรงเรียนต้นแบบ อีกจำนวนประมาณ1,000 โรงเรียน ปีการศึกษา 2552 ใช้หลักสูตรแกนกลางในระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 1-6 และมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 และทยอยใช้ในระดับที่สูงขึ้น ในปีการศึกษาถัดไปจนครบทุกชั้นในปีการศึกษา 2554 สำหรับ โรงเรียนทั่วไป เริ่มใช้ในปีการศึกษา 2553 เป็นต้นไป
                4) การประเมินผลการทดลองใช้ และนำผลมาวิเคราะห์ เพื่อปรับปรุงหลักสูตร ก่อนนำไปใช้จริง
                ระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
                (1) รูปแบบกระบวนการ พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาในภาพรวม และแต่ละองค์ประกอบของหลักสูตรอย่างไร
                (2) รูปแบบกระบวนการ จัดการเรียนการสอน ที่เหมาะสม สอดคล้องตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นอย่างไร
                (3) รูปแบบการส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนา และการใช้หลักสูตร สถานศึกษาเป็นอย่างไร
                (4) รูปแบบการส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดความร่วมมือ ในการพัฒนางานของครู และรูปแบบการสร้างความร่วมมือ ในการพัฒนางานของครู เพื่อให้เกิดการดำเนินการร่วมกันอย่างยั่งยืนในการใช้หลักสูตรสถานศึกษาเป็นอย่างไร
                (5) ปัจจัยอะไรบ้าง ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ ในการใช้หลักสูตรสถานศึกษา
                                ระดับ     ห้องเรียน เช่น พฤติกรรมการเรียนการสอน
                                                โรงเรียน เช่น การบริหารจัดการ
                                                สพท. เช่น วิธีการ/กระบวนการส่งเสริมสนับสนุนโรงเรียน
                                                สพฐ. เช่น วิธีการ/กระบวนการส่งเสริมสนับสนุน สพท. และโรงเรียน
                (6) ปัญหาอุปสรรค ของครูและโรงเรียน ในการนำหลักสูตรแกนกลางฯไปใช้ มีอะไรบ้าง
                (7) ผู้เรียนมีวิธีการเรียนรู้อย่างไร และผลการเรียนรู้เป็นอย่างไร
                ระดับสถานศึกษา
                 (1) รูปแบบกระบวนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ในภาพรวม และแต่ละองค์ประกอบของหลักสูตรเป็นอย่างไร
                (2) รูปแบบกระบวนการจัดการเรียนการสอน ที่เหมาะสม สอดคล้องตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นอย่างไร
                (3) รูปแบบการส่งเสริมสนับสนุน การพัฒนาและการใช้หลักสูตรสถานศึกษา เป็นอย่างไร
                (4) รูปแบบการส่งเสริมสนับสนุน ให้เกิดความร่วมมือ ในการพัฒนางานของครู และรูปแบบการสร้างความร่วมมือในการพัฒนางานของครู เพื่อให้เกิดการดำเนินการร่วมกัน อย่างยั่งยืน ในการใช้หลักสูตรสถานศึกษาเป็นอย่างไร
                (5) ปัจจัยอะไรบ้าง ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ ในการใช้หลักสูตรสถานศึกษา
                                ระดับ     ห้องเรียน เช่น พฤติกรรมการเรียนการสอน
                                                โรงเรียน เช่น การบริหารจัดการ
                                                สพท. เช่น วิธีการ/กระบวนการส่งเสริมสนับสนุนโรงเรียน
                (6) ปัญหาอุปสรรคของครู และโรงเรียนในการนำหลักสูตรแกนกลางฯ ไปใช้มีอะไรบ้าง
                (7) ผู้เรียนมีวิธีการเรียนรู้อย่างไร และผลการเรียนรู้ เป็นอย่างไร
                ระดับห้องเรียน
                (1) รูปแบบกระบวนการพัฒนาหลักสูตร ระดับชั้นเป็นอย่างไร
                (2) รูปแบบกระบวนการจัดการเรียนการสอน ของรายวิชาที่สอน ที่สอดคล้องเหมาะสม ตามหลักสูตรแกนกลางฯ เป็นอย่างไร
                (3) รูปแบบการสร้างความร่วมมือ ในการพัฒนางานของครู เพื่อให้เกิดการดำเนินการร่วมกันอย่างยั่งยืน ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาเป็นอย่างไร
                (4) ปัจจัยอะไรบ้าง ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ ในการพัฒนาหลักสูตรระดับชั้นเรียน
                                ระดับ     ห้องเรียน เช่น พฤติกรรมการเรียนการสอน
                                                โรงเรียน เช่น การบริหารจัดการ
                                                สพท. เช่น วิธีการ/กระบวนการส่งเสริมสนับสนุนครู
                (5) ปัญหาอุปสรรคของครู ในการนำหลักสูตรสถานศึกษา ไปใช้มีอะไรบ้าง
                (6) ผู้เรียนมีวิธีการเรียนรู้อย่างไร และผลการเรียนรู้เป็นอย่างไร

                2. ฝึกปฏิบัติการประเมินหลักสูตร และเขียนแผนการประเมินหลักสูตร

                การประเมินหลักสูตร โดย วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลตามลำดับ ดังนี้
                1) สัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษา และ/หรือหัวหน้าฝ่ายวิชาการ เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาแนวคิด การดำเนินการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การส่งเสริมสนับสนุนให้ ครูสามารถจัดการเรียนการสอน รวมถึงปัจจัยที่ส่งผล และเป็นอุปสรรคต่อการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยใช้แบบสัมภาษณ์
                2) สังเกตการณ์จัดการเรียนการสอน เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู ตามแนวทางของหลักสูตรแกนกลางฯ ขณะเดียวกันต้องสังเกตพฤติกรรม การเรียนรู้ และการตอบสนองของผู้เรียน ที่มีต่อการเรียนการสอน โดยใช้แบบสังเกต
                3) สัมภาษณ์ผู้เรียน เป็นขั้นตอนที่ดำเนินการหลังจากเสร็จสิ้น การสังเกตการณ์สอนของครู โดยดำเนินการให้ครู หรือศึกษานิเทศก์ เป็นผู้คัดเลือกนักเรียน ที่น่าสนใจ โดยให้เป็นเด็กกลุ่มเก่ง ปานกลางและอ่อน อย่างน้อยกลุ่มละ 2 คน รวม 6 คน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความเห็น ความพึงพอใจ ความต้องการของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ของครู และการเรียนรู้ของนักเรียน โดยใช้แบบสัมภาษณ์
                4) สัมภาษณ์ครู เป็นขั้นตอนหลังจากที่เสร็จสิ้น จากการสัมภาษณ์ผู้เรียนแล้ว ให้ศึกษานิเทศก์ สัมภาษณ์ครู โดยมรวัตถุประสงค์ เพื่อตรวจสอบผลการสังเกต และให้ครูสะท้อนการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านมา โดยใช้แบบการสัมภาษณ์
                5) สัมภาษณ์ผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษา และผู้เกี่ยวข้อง เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความคาดหวัง และความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน ตามหลักสูตรแกนกลางฯ โดยใช้แบบสัมภาษณ
                6) สังเกตสภาพทั่วไปโดยรวมของโรงเรียน (walking the hall) เป็นการรวบรวมข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาบรรยากาศทางวิชาการ หรือการส่งเสริมสนับสนุน การใช้หลักสูตรแกนกลางฯ เช่น การจัดการเรียนการสอนในห้องอื่นๆ พฤติกรรมของครูในห้องพักครู ประเด็นการพูดคุย และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ที่สนับสนุนการสอนภายในโรงเรียน เป็นต้น ซึ่งการสังเกตสภาพทั่วไป อาจดำเนินการก่อนการสังเกตการณ์สอน หรือหลังการสังเกตการสอนก็ได้
                7) ศึกษาเอกสาร เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียด มีหลักฐานที่ชัดเจน เกี่ยวกับการพัฒนา และการใช้หลักสูตรแกนกลางฯมากขึ้น เช่น เอกสารข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียน เอกสารหลักสูตร หน่วยการเรียนรู้ และแผนการเรียนรู้ เป็นต้น
                เครื่องมือ
                ในการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีการต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น ได้ใช้เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดังนี้
                1) แบบสังเกต
                2) แบบการสังเกตการสอน
                3) แบบการบันทึกการสังเกตสภาพทั่วไปโดยรวมของโรงเรียน (walking the hall)
                4) แบบสัมภาษณ์
                    (1) แบบสัมภาษณ์ครูผู้สอน
                    (2) แบบสัมภาษณ์นักเรียน
                    (3) แบบสัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษา
                    (4) แบบสัมภาษณ์กรรมการสถานศึกษา
                    (5) แบบสัมภาษณ์ผู้ปกครอง
                3) แบบบันทึกเอกสาร ข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียน และผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน (ให้ผู้เก็บรวบรวมข้อมูลออกแบบบันทึกด้วยตนเอง)

                การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเชิงคุณภาพ
                การตรวจสอบความถูกต้อง ของข้อมูลเชิงคุณภาพ ใช้การเชื่อมโยงแบบ 3 เส้า(triangulation) คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง ได้แก่ ครูผู้สอน นักเรียน ผู้บริหารสถานศึกษา กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครอง และเก็บรวบรวมข้อมูลจากหลายวิธี เช่น การสังเกตการณ์สอน การสังเกตสภาพทั่วไปของโรงเรียน การสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องกลุ่มต่างๆ การศึกษาเอกสาร และหลักฐานร่องรอย
                การวิเคราะห์ข้อมูล
                การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้วิธีการ ดังนี้
                1) การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) เป็นวิธีการที่ใช้ในการวิเคราะห์เอกสาร โดยจะวิเคราะห์เฉพาะเนื้อหา ที่ปรากฏในเอกสารเท่านั้น (Manifest Content) ไม่วิเคราะห์เนื้อหา ที่มีความนัยแฝงอยู่ จากนั้นจะสรุปใจความในเอกสาร ตามประเด็นที่ศึกษา
                2) การวิเคราะห์อุปนัย (Analytic Induction) เป็นวิธีการที่ใช้กับการวิเคราะห์ข้อมูล ที่ได้จากการสังเกต และการสัมภาษณ์ โดยการแยกข้อมูลอย่างเป็นระบบ ตีความหมาย เชื่อมโยงความสัมพันธ์ และสร้างข้อสรุปจากข้อมูลต่างๆที่รวบรวมได้
                3) การวิเคราะห์โดยใช้สถิติเบื้องต้น คือ การแจกแจงความถี่ และการหาค่าร้อยละ สำหรับข้อมูลเชิงปริมาณ ที่ได้จากแบบสอบถาม




                3. ฝึกปฏิบัติการเขียนระดับคุณภาพผลการเรียนรู้ ตาม SOLO Taxonomy

                                 เชิงปริมาณ
                                   เชิงคุณภาพ
                 SOLO 1
      ระดับโครงสร้างเดี่ยว
              SOLO 2
ระดับโครงสร้างหลากหลาย
                 SOLO 3
ระดับความสัมพันธ์ของ       โครงสร้าง
                SOLO 4
ระดับแสดงความต่อเนื่องในโครงสร้างภาคขยาย
1. บอกลักษณะภูมิอากาศของเยาวราช(บอก ระบุ)
2. ระบุที่ตั้งของเยาวราชได้ (ระบุ)
1. รู้และเข้าใจ เกี่ยวกับประเพณีความเชื่อที่สำคัญของเยาวราช (อธิบาย อธิบายได้ว่า)
2. บอกและอธิบายลักษณะภูมิประเทศของเยาวราชที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของประชากรในเยาวราช (บอก อธิบาย)
1. สามารถรวบรวมข้อมูลของภูมิปัญญาท้องถิ่น และอาชีพของคนในเยาวราชในอดีตและปัจจุบัน (วางแผน)
2. ศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบผลงานของภูมิปัญญาท้องถิ่นและอาชีพของคนในเยาวราชในอดีตและปัจจุบัน(วิเคราะห์ เปรียบเทียบ)
1. อภิปรายและสรุปถึงแนวทางในการอนุรักษ์ความเชื่อ และวัฒนธรรมประเพณีของเยาวราช (อภิปราย สรุป)
2. คาดคะเน ลักษณะภูมิประเทศของเยาวราชในอนาคตได้อย่างมีเหตุผล (คาดคะเน คิดอย่างมีเหตุผล)